Grand Seiko Evolution 9
นาฬิกาสปอร์ตเจเนอเรชั่นต่อไปของ Grand Seiko

Grand Seiko Evolution 9 นาฬิกาสปอร์ตเจเนอเรชั่นต่อไปของ Grand Seiko

เมื่อ 2 ปีก่อน Grand Seiko ได้เปิดตัวกลไก ไฮ-บีท ที่ล้ำหน้าที่สุด และจับคู่มากับนาฬิกาดีไซน์ใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความแข็งแกร่งแห่งประวัติศาสตร์ของดีไซน์แบบ Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) ที่มองไกลไปถึงอนาคตข้างหน้า ในปี 2022 นี้ ความท้าทายสำหรับทีมงานของ Grand Seiko ก็คือ การนำหลักการของดีไซน์แบบใหม่ที่เรียกว่า Evolution 9 (เอโวลูชัน ไนน์) มาใช้กับนาฬิกาสไตล์สปอร์ตแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นนาฬิกาที่แฟน ๆ ของ Grand Seiko ชื่นชอบ ทั้งแบบ GMT โครโนกราฟ แบบดำน้ำ และแบบสปอร์ต GMT ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นให้ดีเลิศ สมบูรณ์แบบเพื่อเหล่านักสะสมของ Grand Seiko ผู้รักในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นที่สุด

เพื่อที่จะบรรลุภารกิจในการอัพเดทกลุ่มนาฬิกาสปอร์ตสู่ดีไซน์แบบ Evolution 9 ทีมงานของ Grand Seiko ซึ่งรวมถึงผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ คือ คุณโคเฮ อีกะชิระ ได้ถามคำถามที่สำคัญที่สุดกับตัวของพวกเขาเองว่า “อะไรที่ทำให้นาฬิกาเป็นนาฬิกาสปอร์ต” เพราะหากนาฬิกาสไตล์เดรสนั้นมีไว้สำหรับการเดินหรือการทำกิจกรรมที่เรียบง่ายแล้ว พวกเขาก็ลงความเห็นว่า นาฬิกาสปอร์ตนั้นจำเป็นต้องอ่านค่าได้ชัดเจนแม้ในขณะที่ผู้สวมใส่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด

สายที่มีขนาดกว้างและตัวเรือนแบบอสมมาตรพร้อมบ่าปกป้องเม็ดมะยมของรุ่น SBGE283
สายที่มีขนาดกว้างและตัวเรือนแบบอสมมาตรพร้อมบ่าปกป้องเม็ดมะยมของรุ่น SBGE283

ความก้าวหน้าเกิดขึ้นเมื่อทีมงานมองไปยังแนวทางการเล่นกีฬาของชาวญี่ปุ่นซึ่งเน้นการพัฒนาตนเองและก้าวขึ้นเหนือความท้าทายส่วนตัวของนักกีฬาแต่ละคนมากกว่าเพียงแค่การมุ่งทำคะแนนหรือเอาชนะคู่ต่อสู้ ความสำเร็จในบริบทนี้เกิดจากการมีวินัยและมีแนวทางที่เหมาะสม และด้วยจิตวิญญาณนี้ Grand Seiko จึงพยายามปรับปรุงความทนทาน ความชัดเจนในการอ่านค่า และความสามารถในการใช้งาน อันเป็นตำนานแห่งนาฬิกาสปอร์ตของตนให้ดีเลิศยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ นาฬิกาใหม่ 5 รุ่นที่มากับตัวเรือนและสายไทเทเนียม กลไกแบบ สปริงไดรฟ์ และคุณลักษณะต่าง ๆ ที่เข้ากับวิถีชีวิตของเหล่าแฟน ๆ ของ Grand Seiko ผู้หลงใหลในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นที่สุด

พวกเขาสร้างผลงานขึ้นตามสูตรที่กำหนดไว้กับเหล่ารุ่นแรกของ Evolution 9 ตัวอย่างที่ดีที่สุดก็คือ SLGH005 ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว ซึ่งมากับแรงบันดาลใจจากดีไซน์แบบ Grand Seiko Style ที่บัญญัติขึ้นในปี 1967 และป่าต้นเบิร์ชสีขาวที่อยู่ใกล้กับสตูดิโอ ชิสุกุอิชิ ของ Grand Seiko นาฬิกา Evolution 9 แบบสปอร์ตที่นำเสนอออกมาใหม่เหล่านี้ใช้ตัวเรือนที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง มีระยะห่างของขาตัวเรือนที่กว้างขึ้น และมีสายนาฬิกาที่กว้างขึ้นแต่มีความเรียว เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความสบายในการสวมใส่ หน้าปัดและวงขอบตัวเรือนที่อ่านค่าได้ง่ายขึ้นอย่างน่าประทับใจ ทั้งยังเพิ่มระดับความชัดเจนด้วยสารเรืองแสง ลูมิไบรท์ บนหลักชั่วโมงและเข็ม อีกทั้งดีไซน์ตัวเลขแบบใหม่ก็ช่วยให้อ่านค่าได้ง่ายขึ้นด้วย

หน้าปัดของรุ่น สปริง ไดรฟ์ โครโนกราฟ GMT SBGC251

เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงแนวทางในการเป็นนาฬิกาสปอร์ต นาฬิการุ่นใหม่แต่ละเรือนจะใช้รูปทรงตัวเรือนที่มีดีไซน์พิถีพิถันเป็นพิเศษเพื่อให้มีส่วนที่สามารถปกป้องเม็ดมะยมได้ นาฬิการุ่นนี้จึงมากับความล้ำหน้าทางคุณภาพอันเป็นลักษณะที่เหล่าแฟน ๆ ชื่นชอบที่สุดใน Grand Seiko โดยมีทั้งความเชี่ยวชาญในการออกแบบตัวเรือนอย่างละเอียด รวมถึงความใส่ใจและความชำนาญอย่างเหนือชั้นในการสร้างเข็ม หลักชั่วโมง และหน้าปัด โดยคำนึงถึงนักสะสมสมัยใหม่ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแสวงหาอย่างไม่สิ้นสุดในการสร้างนาฬิกาข้อมือที่ดีที่สุดขึ้นมา

นาฬิกาดำน้ำ
THE DIVE WATCH

เรือนเวลาที่ประกอบจากไทเทเนียมคุณภาพชั้นสูง คือ SLGA015 นาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ของ Grand Seiko ที่นำดีไซน์ของคอลเลกชั่น Evolution 9 มาใช้ ขนาดตัวเรือน 43.8 มม. หนา 13.8 มม. พร้อมระดับการกันน้ำ 200 เมตร ทั้งยังเป็นนาฬิกาดำน้ำกลไก สปริง ไดรฟ์ ที่มีขนาดเล็กที่สุดและบางที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมา และมอบสัมผัสละเมียดด้วยตัวเรือนไทเทเนียม และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเด่นของดีไซน์แบบ Evolution 9 วงขอบตัวเรือนแบบทิศทางเดียวทำขึ้นจากเซรามิกเพื่อให้ดูสะอาดตาและทำให้ต้านทานการขีดข่วนได้ดี และตัวล็อกสำหรับนาฬิกาดำน้ำยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสบายและความปลอดภัยเมื่อสวมใส่ทับบนชุดดำน้ำ ความชัดเจนเป็นเลิศของการอ่านค่าใต้น้ำในระดับความลึกมาก ๆ กระทำได้ด้วยการเคลือบสารเรืองแสง ลูมิไบรท์ อย่างเต็มที่บนเข็มและหลักชั่วโมง 

9RA5 กลไก สปริงไดรฟ์ คาลิเบอร์ใหม่ล่าสุดของ Grand Seiko ถูกเลือกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนนาฬิกาดำน้ำเจเนอเรชั่นต่อไป ตัวเครื่องมีขนาดที่บางเฉียบ ให้ความแม่นยำถึง ± 10 วินาทีต่อเดือน และให้การสำรองพลังงานได้ถึง 5 วันซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเข็มแสดงพลังงานสำรองบนหน้าปัด

ส่วนลวดลายสีดำอันละเอียดอ่อนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระแสน้ำคุโรชิโอะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ แบล็ค สตรีม (ซึ่งนำน้ำอุ่นในแถบเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกขึ้นไปทางเหนือ) ก็สร้างความสวยงามอย่างเหลือเชื่อให้กับหน้าปัด การออกแบบที่วิจิตรบรรจงเช่นนี้เพิ่มความล้ำลึกให้กับหน้าปัดซึ่งเป็นการสะท้อนถึงบุคลิกของเหล่าแฟน ๆ Grand Seiko ในทันที ในขณะที่ไม่ได้ทำให้ความชัดเจนเป็นเลิศในการอ่านค่าของนาฬิกาประเภทเครื่องมือระดับสุดยอดรุ่นนี้ลดน้อยลงแต่อย่างใด

โครโนกราฟ GMT
The Chronograph GMT

นาฬิกา สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ พร้อมฟังก์ชั่น GMT เป็นที่ชื่นชอบของคนรักนาฬิกามาอย่างยาวนาน โดยในแง่ของฟังก์ชั่นการทำงานนั้น ถือว่านาฬิกาชนิดนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดที่ Grand Seiko ทำการผลิตขึ้นมา ดีไซน์แบบ Evolution 9 ได้ทำให้นาฬิกาชนิดนี้มีรูปทรงถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์และสวมใส่ใช้งานได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นครั้งแรกของนาฬิการะดับความซับซ้อนสูงชนิดนี้ที่มาพร้อมกับวงขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ซึ่งทำให้สามารถตั้งค่าสำหรับบอกเขตเวลาที่สามได้ เพื่อลดขนาดและรักษารูปลักษณ์ที่กลมกล่อม ความกว้างของวงขอบตัวเรือนจึงถูกลดลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยยังคงฟังก์ชั่นการหมุนได้เอาไว้ ตัวเลขบนวงขอบตัวเรือนและพื้นที่อื่น ๆ ใช้แบบอักษรที่ออกแบบขึ้นมาใหม่เพื่อให้อ่านค่าได้ง่ายในพริบตา ยกตัวอย่างเช่นเลข “6” ที่มีช่องห่างกว้างมากเพื่อแยกความแตกต่างจากเลข 8

ปุ่มกดของ โครโนกราฟ GMT ใหม่มีรูปแบบที่กะทัดรัดกว่าเดิมและต่างไปจากแบบขันสกรูที่พบเห็นบนนาฬิกา Grand Seiko โครโนกราฟ GMT รุ่นอื่น ๆ ซึ่งไม่เพียงทำให้นาฬิกามีขนาดเล็กลงในด้านความรู้สึกและการสวมใส่เท่านั้น แต่ยังทำให้การใช้งานระบบจับเวลามีความเป็นธรรมชาติและราบรื่นยิ่งขึ้น ฟังก์ชั่นจับเวลาที่เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลด้วยระบบ สปริงไดรฟ์ จึงอยู่ไม่ไกลเกินการใช้งานและมีแนวโน้มที่จะถูกใช้งานกันมากขึ้นแล้ว

Grand Seiko สร้างนาฬิกาโครโนกราฟ GMT ขึ้นมาใหม่ 2 เวอร์ชั่นในปี 2022 โดยเวอร์ชั่นที่ใช้กลไกคาลิเบอร์ 9R86 ที่มอบความแม่นยำระดับ ± 15 วินาทีต่อเดือน ซึ่งมากับหน้าปัดสีดำนั้นเป็นการผลิตแบบไม่จำกัดจำนวน ส่วนรุ่น SBGC249 ที่ใช้หน้าปัดกับวงขอบตัวเรือนสีน้ำเงินซึ่งขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ สปริงไดรฟ์ 9R96 ที่ให้ความแม่นยำถึง ± 10 วินาทีต่อเดือน นั้นเป็นการผลิตแบบจำนวนจำกัด 700 เรือนเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของนาฬิกา สปริงไดรฟ์ โครโนกราฟ GMT

The GMT

เพื่อให้มั่นใจว่าอ่านค่าได้อย่างชัดเจนที่สุด ฟอนต์อักษร แบบใหม่จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กับตัวเลขบนวงขอบตัวเรือน
ลายผิวที่ได้แรงบันดาลใจจากหมอกของ สปริงไดรฟ์ GMT SBGE285

คุณภาพที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในทันทีของ สปริงไดรฟ์ GMT รุ่นนี้ คือ ตัวเรือนที่มีความไม่สมมาตรอยู่เล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากการเพื่อส่วนปกป้องเม็ดมะยมที่มีความเพรียวบางแต่แข็งแรงทนทานที่ฝั่งด้านขวาของตัวเรือน ตัวเลขถูกปรับปรุงการออกแบบอย่างตั้งใจเพื่อให้อ่านค่าง่ายและโดดเด่นกว่านาฬิกาสปอร์ตใหม่รุ่นอื่น ๆ ในคอลเลกชั่น Evolution 9

แม้ตัวเลขจะมีขนาดกะทัดรัดกว่าเลขบนวงขอบตัวเรือนของนาฬิกา GMT รุ่นก่อน ๆ แต่ก็ใช้ประโยชน์จากความชัดเจนที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นจึงสามารถอ่านค่าได้ในพริบตา SBGE285 รุ่นนี้มีหน้าปัดเป็นสีเทาอ่อนบนพื้นผิวอันละเอียดอ่อนซึ่งสะท้อนถึงหมอกยามเช้าที่ปกคลุมภูเขาในจังหวัดนากาโน่ อันเป็นแหล่งการผลิตนาฬิกา Grand Seiko สปริงไดรฟ์ ในขณะที่ชวนให้นึกถึงความคลาสสิกจากนาฬิกาในแคตตาล็อกของ Grand Seiko อย่างรุ่น SBGA211 ซึ่งได้รับอิทธิพลการออกแบบหน้าปัดมาจากฉากทัศน์หิมะตกในชินชู

ขณะที่เข็ม GMT มีรูปแบบเช่นเดียวกับนาฬิกาสปอร์ต สปริงไดรฟ์ GMT ในอดีต แต่นาฬิกา 2 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวด้วยดีไซน์แบบ Evolution 9 นั้นมีการควบคุมที่เข้มข้นขึ้นในแง่ขององค์ประกอบ สำหรับเข็มบอกเวลา 24 ชั่วโมงของ SBGE285 หน้าปัดสีเทาอ่อนจะใช้เป็นสีดำ ในขณะที่ SBGE283 ที่มากับหน้าปัดสีดำจะเป็นโทนสีเงิน

Evolution 9 Sport Line Up

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ต่อ
    Current :
  • TH
  • EN