4 ผลงานชิ้นพิเศษเหนือระดับ พบได้เฉพาะที่ GRAND SEIKO BOUTIQUE เท่านั้น

4 ผลงานชิ้นพิเศษเหนือระดับซึ่งพบได้เฉพาะที่ GRAND SEIKO BOUTIQUE เท่านั้น

อย่างที่รับรู้โดยทั่วกันว่า Grand Seiko ดำรงสถานะอยู่ในระดับ Luxury Watch อันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยวัสดุชั้นเลิศ การผลิตอย่างพิถีพิถัน การตกแต่งอย่างประณีตด้วยมือโดยเหล่าทาคุมิผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีระดับสูงสุดของกลไกบอกเวลา นำมาซึ่งคุณภาพและอานุภาพแห่งความงดงามที่คนรักนาฬิกาทั่วโลกให้การยอมรับและต้องการมีไว้ในครอบครอง

แม้คุณลักษณะและคุณสมบัติเหล่านี้จะเพียบพร้อมอยู่ใน Grand Seiko ทุกรุ่นทุกแบบ แต่ก็มีความพิเศษขั้นกว่าที่ทาง Grand Seiko บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นให้อยู่ในระดับสูงสุด และเรือนเวลาพิเศษเหนือระดับเหล่านี้นอกจากจะเป็นงานผลิตแบบ Limited Edition ด้วยจำนวนจำกัดแล้วยังเป็นเรือนเวลาที่ไม่สามารถพบเห็นได้ตามผู้แทนจำหน่ายหรือจุดจำหน่ายนาฬิกา Grand Seiko โดยทั่วไป เพราะถูกสงวนไว้ให้ปรากฎตนอยู่เฉพาะที่ Grand Seiko Boutique เท่านั้น

เรือนเวลา Grand Seiko อันแสนพิเศษเหล่านี้ได้แก่ รุ่นที่ถูกเรียกว่า Boutique Exclusive Limited Edition ซึ่งหมายถึงเป็นนาฬิกาผลิตจำนวนจำกัดที่มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่บูติกของ Grand Seiko โดยบนวงขอบฝาหลังจะมีการสลักข้อความ ‘Grand Seiko Boutique Limited Edition’ ไว้อย่างชัดเจนเพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษเฉพาะตัว และนาฬิกาต่อไปนี้ก็คือ ตัวอย่างอันงดงามของนาฬิกา Boutique Exclusive รุ่นเด่นที่คัดสรรมาให้ทำความรู้จักกัน

1) Grand Seiko Heritage Collection SBGA401

“องค์ประกอบที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน”

SBGA401 เรือนเวลาอารมณ์เรียบหรูที่มากับหน้าปัดผิว Sunburst สีดำสนิทซึ่งขับเน้นหลักบอกเวลา เข็มทั้งสี่ กรอบวันที่ และตัวอักษร GS ตลอดจนข้อความ Spring Drive สีโรสโกลด์ ให้แลดูโดดเด่นและงามสง่ายิ่งขึ้นในเรือนร่างสเตนเลสสตีลทั้งตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรและสายที่อุดมไปด้วยความคลาสสิกในสไตล์ร่วมสมัยโดยเจือผิวปัดลาย Hairline แสนละเอียดเข้ากับผิวขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu มาอย่างลงตัวบนองค์ประกอบแต่ละชิ้น

การเคลื่อนที่อย่างราบรื่นของเข็มวินาทีสีโรสโกลด์ มอบความสงบอย่างงามสง่าสะกดสายตาได้ในทุกครั้งที่ได้เห็นผ่านกระจกหน้าปัดแซพไฟร์ทรงโค้งซึ่งมอบมุมมองที่เปิดกว้างให้แก่หน้าปัดที่มีลายผิวดุจรัศมีแสงอาทิตย์ ส่วนการขับเคลื่อนกระทำโดยกลไก Spring Drive คาลิเบอร์ 9R65 ที่มอบความเที่ยงตรงถึงระดับ ±1 วินาทีต่อวัน ได้อย่างยาวนานตลอด 3 วัน

แนวตัดเจียรและขัดแต่งผิวอย่างพิถีพิถันด้วยมือบนหลักบอกเวลาและเข็มสีโรสโกลด์ สะท้อนความหรูหราเป็นพิเศษของนาฬิการุ่นนี้ให้ประจักษ์ต่อทุกสายตา

2) Grand Seiko Heritage Collection SBGJ235

“สะท้อนตัวตนด้วยหน้าปัดที่ถ่ายทอดลวดลายทางธรรมชาติบนพื้นผิว”

SBGJ235 หรือที่รู้จักกันในนาม Blue Iwate รุ่นนี้มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มที่ถ่ายทอดลายผิวด้วยการจำลองความงามในยามราตรีของสันเขาอิวาเตะ ที่ถูกปกคลุมด้วยแนวหิมะสีขาวนวลตาเมื่อสะท้อนกับแสงจันทร์ ซึ่งเป็นฉากทัศน์ที่พบเห็นได้ในช่วงฤดูหนาวที่เมือง ชิซูกูอิชิ อันเป็นถิ่นที่ตั้งของสตูดิโอผลิตนาฬิกาจักรกลของ Grand Seiko

ดีไซน์ในภาพรวมของนาฬิกาถูกออกแบบขึ้นตามหลักการออกแบบ Grand Seiko Style ปรัชญาที่นำมาใช้ครั้งแรกกับรุ่น 44GS เมื่อปี 1967 มอบภาพสะท้อนที่ไร้การบิดเบือน หรือ distortion free สู่ทุกสายตาอย่างเต็มที่จากการขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu บนพื้นผิวโดยส่วนใหญ่ของตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร

ด้วยฟังก์ชั่น GMT ของกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 9S86 ที่มอบพลังงานสำรองได้นานถึง 3 วัน และให้ความเที่ยงตรงสูงถึง +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน ทำให้การสวมใส่นาฬิกาดีไซน์คลาสสิกงามสง่ารุ่นนี้ออกไปท่องโลกกว้างเป็นไปด้วยความสะดวก ราบรื่น และมั่นใจ

3) Grand Seiko Sport Collection SBGE251

“นาฬิกา Spring Drive 3 เวลาขอบเรือนโรสโกลด์ 18 เค”

SBGE251 นาฬิกาสไตล์สปอร์ตแบบแรกของ Grand Seiko ที่ติดตั้งวงขอบตัวเรือนชนิดหมุนได้ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโรสโกลด์ 18K โดยวงขอบตัวเรือนที่มาพร้อมสเกลเวลา 24 ชั่วโมงผิวโรสโกลด์ร่วมกับพื้นสีดำผนึกด้วยวงแหวนกระจกแซพไฟร์ชิ้นนี้สามารถปรับตั้งสำหรับแสดงเวลาของเขตเวลาที่ 3 ได้อย่างสะดวกง่ายดาย มอบความงามหรูบนเรือนร่างสเตนเลสสตีล ขนาด 44 มิลลิเมตร

องค์ประกอบสีโรสโกลด์ ปรากฎอย่างลงตัวพอเหมาะกับวัสดุหลักที่เป็นสเตนเลสสตีล ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะยม ตรา ‘GS’ บนตัวล็อกสาย ตลอดจนตำแหน่งต่าง ๆ บนหน้าปัดและฝาหลัง

หลักบอกเวลาและเข็มสีโรสโกลด์บนหน้าปัดสีดำสนิทที่ตกแต่งผิวมาในรูปแบบ Sunburst ดุจรัศมีแสงอาทิตย์ ล้อมด้วยวงขอบตัวเรือนโรสโกลด์ 18 เค เกิดขึ้นจากความตั้งใจให้นึกถึงภาพความงามยามรุ่งอรุณในมุมมองจากบนเครื่องบินที่ลอยล่องอยู่บนฟากฟ้า ขณะที่เข็ม GMT ซึ่งชี้แสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงไปยังสเกลบนแนวขอบหน้าปัดเลือกใช้สีที่ต่างออกไปเพื่อให้แยกแยะเข็มได้อย่างชัดเจนที่สุด

ตราสัญลักษณ์สิงโต เครื่องหมายอันภาคภูมิแห่ง Grand Seiko และข้อความบ่งบอกความพิเศษของนาฬิกา ถูกพิมพ์ด้วยสีโรสโกลด์ ลงบนกระจกแซพไฟร์ของฝาหลังโดยมีพื้นหลังเป็นงานตกแต่งอันสวยงามบนผิวชิ้นส่วนของกลไก Spring Drive คาลิเบอร์ 9R66 ที่สำรองพลังงานได้ถึง 3 วันด้วยความเที่ยงตรงถึงระดับ ±1 วินาทีต่อวัน

4) Grand Seiko Sport Collection SBGC244

“Spring Drive จับเวลาพร้อม GMT ที่เลอค่าด้วยขอบเรือนโรสโกลด์ 18 เค”

โรสโกลด์ 18 เค ความงามหรูที่ถูกนำมาใช้กับ SBGC244 ซึ่งเป็นนาฬิกาสปอร์ตอุดมฟังก์ชั่นในเรือนร่างสุดแกร่งวัสดุสเตนเลสสตีล ขนาด 43.8 มิลลิเมตร ของ Grand Seiko โดยปรากฏอยู่ทั้งวงขอบตัวเรือนดีไซน์ 12 เหลี่ยมมุม เม็ดมะยม และปุ่มกดจับเวลาขนาดใหญ่ ร่วมด้วยวงขอบหน้าปัด หลักบอกเวลา และเข็มบอกเวลา กรอบวันที่ ตลอดจนอักษร ‘GS’ บนหน้าปัดที่เป็นสีโรสโกลด์เข้ากัน

ด้านหน้าของวงขอบตัวเรือนโรสโกลด์ 18 เค ถูกผนึกด้วยแผ่นวงแหวนเซอร์โคเนียเซรามิกสีดำสลักสเกลทาคีมิเตอร์สีขาว ที่ขับเน้นความเป็นเรือนเวลาสปอร์ตให้โดดเด่นและมีความงดงามที่แข็งแกร่งไปพร้อมกัน ร่วมด้วยหน้าปัดสีดำผิวลาย Sunray มอบประกายดุจลำแสงของดวงอาทิตย์

วงหน้าปัดขนาดเล็กได้รับการปัดผิวในแบบเส้นวงเพื่อให้แตกต่างจากพื้นหน้าปัดหลัก และถึงแม้จะมีเข็มทั้งหมดถึง 7 ชุด แต่เข็มจับเวลาและเข็ม GMT ได้ถูกให้สีที่ต่างไปจากเข็มบอกเวลาเพื่อความชัดเจนสูงสุดในการอ่านค่าตามปรัชญาดีไซน์แห่ง Grand Seiko

กลไก Spring Drive สำรองพลังงานได้ 3 วัน คาลิเบอร์ 9R86 ที่ใช้กับเรือนเวลารุ่นนี้เป็นหนึ่งในกลไกที่มีความซับซ้อนยิ่งของ Grand Seiko เพราะมากับฟังก์ชั่นโครโนกราฟที่สามารถจับเวลารวมได้ 12 ชั่วโมงจากการทำงานของเวอร์ติคัลคลัตช์และคอลัมน์วีลอันเป็นระบบกลไกโครโนกราฟแบบคลาสสิก และฟังก์ชั่น GMT บอกเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมง ร่วมด้วยฟังก์ชั่นแสดงวันที่และฟังก์ชั่นบอกพลังงานสำรอง โดยยังคงประสิทธิภาพแห่งความเที่ยงตรงถีงระดับ ±1 วินาทีต่อวันแห่งระบบกลไก Spring Drive เอาไว้ไม่แปรเปลี่ยน

เรือนเวลาเหนือระดับทั้ง 4 รุ่น คือ ตัวอย่างของ นาฬิกา Grand Seiko Boutique Exclusive Models ซึ่งเป็นเรือนเวลา Limited Edition ที่มีสถานะเป็น บูติก ลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งจะพบและสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อเข้าไปแวะเยี่ยมชมที่บูติกของ Grand Seiko เท่านั้น โดยในประเทศไทยมีอยู่เพียงแห่งเดียว คือ ที่ชั้น 1 ของศูนย์การค้าเกษร วิลเลจ สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ นั่นเอง และด้วยความที่ล้วนเป็นงานผลิตแบบ Limited Edition นั่นหมายความว่า ไม่ได้มีการผลิตออกมาในจำนวนมากนัก ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการพบและสัมผัสกับเรือนเวลาเหล่านี้ ก็ต้องหมั่นแวะเวียนไปเยือน Grand Seiko Boutique อยู่เสมอเพื่ออัพเดทเหล่าเรือนเวลา Boutique Exclusive Models รุ่นปัจจุบันไปจนถึงรุ่นใหม่ ๆ ที่ทาง Grand Seiko มีการนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่อง

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ต่อ
    Current :
  • TH
  • EN