เป็นผู้ผลิตนาฬิกาครบวงจร
อย่างแท้จริง
อย่างแท้จริง
ด้วยศักยภาพของ Seiko ที่มีโรงงาน เครื่องจักร เครื่องมือ เทคโนโลยี องค์ความรู้ และบุคลากร เพียบพร้อมจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารตั้งแต่ยุคอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ Grand Seiko มีสรรพกำลังอย่างเต็มเปี่ยมในการพัฒนาเพื่อสร้างนาฬิกาที่ดีที่สุดตามเจตจำนงที่ตั้งไว้ นวัตกรรมชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ Seiko พัฒนาขึ้นและผลิตขึ้นเองจึงถูกนำมาใช้กับ Grand Seiko ด้วย อาทิ สายลานโลหะผสมโคบอลต์ที่เรียกว่า SPRON (สปรอน) 530 ซึ่งมีขนาดที่เล็กลงแต่มีความแข็งแรงมากกว่าซึ่งช่วยเพิ่มแรงบิดในการให้พลังงาน สายใยจักรกลอก SPRON610 ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีโคบอลต์ เหล็ก และนิกเกิล เป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ แรงสะเทือน และพลังงานสนามแม่เหล็กได้ดี ระบบซับแรงกระแทกให้กับจักรกลอก เมจิกเลเวอร์ที่ทำให้ระบบขึ้นลานอัตโนมัติขึ้นลานได้ดีขึ้น ระบบคลัตช์แนวตั้งสำหรับส่งกำลังสู่ระบบโครโนกราฟ และผลึกควอตซ์สังเคราะห์ เป็นต้น เทคโนโลยีการผลิตที่ดีที่สุดของแต่ละยุคสมัยก็ถูกนำมาใช้ในการสร้างนาฬิกา Grand Seiko ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี ‘MEMS’ (เมมส์) ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์กึ่งตัวนำมาปรับใช้ในการสร้างชิ้นส่วนกลไกที่มีขนาดเล็กมาก ๆ อย่าง จักรปล่อยและพาเล็ตฟอร์ค ให้ได้รูปร่างและขนาดที่ถูกต้องแม่นยำเพื่อเป็นการลดน้ำหนักให้เหลือน้อยที่สุด
ศักยภาพของการเป็นผู้ผลิตอย่างครบวงจรทำให้สามารถพัฒนาและสร้างเครื่องนาฬิกาขึ้นมาได้มากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของกลไก ซึ่งมีทั้งเครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานด้วยมือหรือขึ้นลานอัตโนมัติ เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติความถี่สูงระดับ ‘Hi-Beat’ (ไฮ-บีท) เครื่องควอตซ์ระดับสูง และเครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นด้วยมือหรือขึ้นลานอัตโนมัติ หรือจะเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานของกลไก ซึ่งมีตั้งแต่ฟังก์ชั่นบอกเวลาแบบมาตรฐาน ฟังก์ชั่น GMT ของเครื่องชนิดจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ เครื่องชนิด Spring Drive ขึ้นลานอัตโนมัติ และเครื่องควอตซ์ ไปจนถึงฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลาพร้อมฟังก์ชั่น GMT ของเครื่องชนิด Spring Drive โดยเครื่องแต่ละประเภทล้วนบรรจุด้วยเทคนิคกลไกชั้นยอดที่พัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เครื่องฟังก์ชั่น GMT ที่สร้างให้สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงเป็นจังหวะละ 1 ชั่วโมงได้อย่างอิสระเพื่อให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนชั่วโมงไปตามเขตเวลาที่เปลี่ยนไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วเพราะไม่ต้องหมุนเข็มไป 12 ชั่วโมงเพื่อตั้งเวลาใหม่ พลังลานสำรองของเครื่องชนิดจักรกลและเครื่องชนิด Spring Drive ที่เพิ่มความยาวนานให้มากขึ้นเพื่อมิให้ต้องมาขึ้นลานและตั้งเวลากันบ่อย ๆ และการพัฒนาสร้างวัสดุชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติดีขึ้นมาใช้แทนวัสดุเดิม
เครื่อง 10 บีท ที่มีเพียงผู้ผลิตนาฬิกาแบบครบวงจรเท่านั้นที่ทำได้
ปัจจุบัน Grand Seiko แยกโรงงานผลิตนาฬิกาออกเป็น 2 แห่งโดยยังคงเป็น 2 แห่งดั้งเดิมเหมือนเช่นยุคแรกของนาฬิกา Grand Seiko คือ Suwa Seikosha (ซูวะ ไซโกฉะ) หรือ Seiko Epson (ไซโก เอปสัน) ในปัจจุบัน ผู้ให้กำเนิดเครื่อง Caliber แรกสำหรับนาฬิกา Grand Seiko เป็นผู้รับหน้าที่ผลิตนาฬิการะบบควอตซ์และระบบ Spring Drive โดยมี Shinshu Watch Studio (ชินชู ว็อตช์ สตูดิโอ) เป็นผู้ผลิตนาฬิการะบบ Spring Drive อีกทั้งยังมีหน่วยงาน Micro Artist Studio (ไมโคร อาร์ทิสต์ สตูดิโอ) ทำหน้าที่ผลิตนาฬิการุ่นพิเศษที่ต้องใช้ความประณีตพิถีพิถันระดับสูงสุดอยู่ในโรงงานด้วย ส่วนโรงงานอีกแห่งก็คือ Daini Seikosha (ไดนิ ไซโกฉะ) หรือ Seiko Instruments (ไซโก อินสทรูเม้นท์ส) ในปัจจุบัน รับหน้าที่ผลิตนาฬิกา Grand Seiko ชนิดจักรกลโดยมีหน่วยงาน Shizukuishi Watch Studio (ชิซูกุอิชิ ว็อตช์ สตูดิโอ) เป็นผู้กระทำการ