ฉลองครบรอบ 55 ปี 44GS ผู้บัญญัติหลักการออกแบบ Grand Seiko Style

BY GRAND SEIKO

10 th Febuary 2022

ฉลองครบรอบ 55 ปี 44GS ผู้บัญญัติหลักการออกแบบ Grand Seiko Style

เป็นเวลา 55 ปีล่วงมาแล้วนับตั้งแต่เรือนเวลา Grand Seiko รุ่น 44GS ถือกำเนิดขึ้นมาใน ค.ศ.1967 ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างเรือนเวลาชั้นเลิศซึ่งสามารถเปล่งประกายความงดงามแห่งคุณภาพให้เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันและนำพา Grand Seiko ขึ้นสู่การเป็นเรือนเวลาระดับหรูของโลกให้จงได้ ความสวยงามแห่งแสงและเงาอันเป็นสุนทรียภาพทางการออกแบบของชาวญี่ปุ่นจึงถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้น 

หลักการออกแบบ 3 ประการ คือ
1 ต้องมีพื้นผิวราบเรียบและมีส่วนโค้งแบบ 2 มิติ
2. ผิวราบของตัวเรือน หน้าปัด และเข็ม ต้องมีแนวแผ่กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3. ต้องมีผิวเงางามที่ปราศจากการบิดเบือนของภาพสะท้อนดุจกระจกเงาชั้นดี

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ บัญญัติแห่งแนวทางการออกแบบที่เรียกว่า ‘Grand Seiko Style’ (แกรนด์ ไซโก สไตล์) ส่วนตัวเลข 44 อันเป็นที่มาแห่งชื่อรุ่น 44GS นั้นได้มาจากตัวเลข 2 หลักแรกของ Cal.4420 ซึ่งเป็นคาลิเบอร์ที่ใช้ขับเคลื่อนเรือนเวลารุ่นนี้

ความสวยงามแห่งแสงและเงา สุนทรียภาพทางการออกแบบของชาวญี่ปุ่น
ความสวยงามแห่งแสงและเงา สุนทรียภาพทางการออกแบบของชาวญี่ปุ่น
44GS ที่ถือกำเนิดใน ค.ศ.1967 ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลชนิดขึ้นลานด้วยมือ Cal.4420
44GS ที่ถือกำเนิดใน ค.ศ.1967 ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลชนิดขึ้นลานด้วยมือ Cal.4420

แนวทางดีไซน์แบบ Grand Seiko Style ที่รุ่น 44GS บัญญัติไว้ได้กลายเป็นหลักการสำคัญในการออกแบบเรือนเวลา Grand Seiko รุ่นต่าง ๆ เสมอมาโดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปตามยุคสมัยที่ล่วงผ่าน ทั้งยังงดงามยิ่งขึ้นด้วยเทคนิคการตกแต่งชั้นสูงที่นำมาใช้ เช่น การขัดเงาแบบ ‘Zaratsu’ (ซารัตสึ) อันเป็นเทคนิคการขัดเงาอย่างพิถีพิถันด้วยมือจนเกิดพื้นผิวที่เรียบเนียนงดงามไร้การบิดเบือนของภาพสะท้อนดุจกระจกเงาชั้นเลิศ เป็นต้น

ใน ค.ศ.2013 Grand Seiko ได้นำรูปแบบดีไซน์ของรุ่น 44GS กลับมาสร้างขึ้นใหม่ถึง 2 ลักษณะด้วยกัน คือ 44GS ในรูปแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นการสร้าง 44GS รุ่นต้นฉบับขึ้นมาใหม่ในฐานะเรือนเวลา ‘Limited Edition’ (ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ผลิตจำนวนจำกัดเพื่อแสดงความเคารพแก่ต้นกำเนิด หากแต่ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลขึ้นลานด้วยมือ Cal.9S64 อันเป็นคาลิเบอร์ในยุคปัจจุบัน และ 44GS ในรูปแบบสมัยใหม่ที่นำดีไซน์ของรุ่นต้นกำเนิดมาปรับให้ดูทันสมัยและบรรจุกลไกอัตโนมัติ Cal.9S65 เป็นขุมพลัง จากนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มนำดีไซน์ตัวเรือน 44GS ในรูปแบบสมัยใหม่มาใช้กับนาฬิการุ่นต่าง ๆ

(ซ้าย) SBGW047 รุ่น 44GS ในรูปแบบดั้งเดิม และ (ขวา) SBGR081 รุ่น 44GS ในดีไซน์แบบสมัยใหม่ ที่ผลิตขึ้นใน ค.ศ.2013
(ซ้าย) SBGW047 รุ่น 44GS ในรูปแบบดั้งเดิม และ (ขวา) SBGR081 รุ่น 44GS ในดีไซน์แบบสมัยใหม่ ที่ผลิตขึ้นใน ค.ศ.2013
องค์ประกอบ 9 ประการแห่ง Grand Seiko Style

เกียรติประวัติครั้งสำคัญบังเกิดขึ้นแก่ Grand Seiko เมื่อเรือนเวลากลไกจักรกล ‘Hi-Beat’ (ไฮ-บีท) ฟังก์ชั่น ‘GMT’ รุ่น SBGJ005 ซึ่งบรรจุมาในเรือนร่างแบบสมัยใหม่ของ 44GS และเป็นครั้งแรกที่ใช้โรเตอร์ไทเทเนียมรูปแบบแผ่นกลมฉลุร่องโปร่งที่ทำให้ผิวเป็นสีทองเนื้อเกล็ดด้วยเทคนิค ‘Anodic Oxidation’ (อนอดิก ออกซิเดชั่น – การเคลือบผิวด้วยอลูมิเนียมออกไซด์) และกำกับด้วยเหรียญตราสัญลักษณ์สิงห์แห่ง Grand Seiko สามารถคว้ารางวัล ‘Geneva Watchmaking Grand Prix’ (เจนีวา วอทช์เมคิง กรังด์ ปรีซ์) ประจำปี 2014 ในสาขา ‘Petite Aiguille’ (เปอติต อายกิลล์) มาครองได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาจักรกลของผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นได้รับรางวัลอันทรงเกียรติแห่งโลกนาฬิกาจากสถาบันแห่งนี้

Grand Seiko Hi-Beat 36000 GMT SBGJ005 คว้ารางวัลชนะเลิศ Geneva Watchmaking Grand Prix ประจำปี 2014

ด้วยชัยชนะระดับโลกที่สถาบันตัดสินรางวัลเรือนเวลาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มอบให้ ดีไซน์แบบ Grand Seiko Style ของ 44GS จึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกและมีสถานะเป็นดีไซน์ระดับไอคอนที่บ่งบอกถึงบุคลิกและตัวตนของ Grand Seiko ได้เป็นอย่างดี เรือนร่างแบบ 44GS จึงกลายเป็นหนึ่งในแนวทางการออกแบบหลักให้กับ Grand Seiko รุ่นใหม่ ๆ มาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ใช้กลไกจักรกล รุ่นที่ใช้กลไก ‘Spring Drive’ (สปริง ไดรฟ์) หรือรุ่นที่ใช้กลไกควอตซ์

(ซ้าย) Spring Drive SBGA375 Cal.9R65 (ขวา) Quartz SBGP001 Cal.9F85
    Current :
  • TH
  • EN