นาฬิการุ่นพิเศษ Kintaro Hattori 160th Anniversary Limited Edition
Kintaro Hattori ผู้ก่อตั้ง Seiko ถือกำเกิด ณ ใจกลางกรุงโตเกียวในปี 1860 ในช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมีความโดดเด่นเพราะความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสู่ความทันสมัยและการเข้ามาของวัฒนธรรมของตะวันตก เจ้าของกิจการที่อายุยังเยาว์วัยแต่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์มองเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและมีความสำคัญในชีวิตชาวญี่ปุ่น ณ ตอนนั้นว่าเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาส ดังนั้นในปี 1881 ด้วยวัยเพียง 21 ปีเขาได้ก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ “K. Hattori” ขึ้นมาเพื่อขายส่งและขายปลีกนาฬิกานำเข้าและเพียงแค่ 12 ปีต่อมาเขาได้ก่อตั้งโรงงานที่เขาเรียกว่า Seikosha ‘บ้านแห่งความเที่ยงตรงแห่งเวลา’ เพื่อผลิตนาฬิกาแขวนและตั้งโต๊ะของตัวเองและในเวลาต่อมาก็ขยายมาสู่การผลิตนาฬิกาข้อมือ จุดมุ่งหมายของเขาคือเพื่อให้ Seikosha สามารถผลิตและประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดภายในเวิร์กช้อปของตัวเองและเพียบพร้อมด้วยงานฝีมือที่สุดประณีตในทุกขั้นตอนของการผลิตนาฬิกา ภายใต้การนำของ Kintaro ในทุกขั้นตอนของการทำงาน บริษัทสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายของเขา รายชื่อของนวัตกรรมในด้านการผลิตนาฬิกาที่เกิดขึ้นตลอดหลายทศวรรษเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันน่าทึ่งของเขาและยังคงสร้างแรงบันดาลใจมาจนถึงทุกวันนี้
ในตอนนี้ กับการครบรอบ 160 ปีแห่งการถือกำเนิดของเขา Grand Seiko จึงเฉลิมฉลองชีวิตและความสำเร็จของ Kintaro Hattori ด้วยผลงานชิ้นเอกของกลไก Spring Drive นอกจากนั้นในปี 2021 ยังเป็นวันครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้ง บริษัทของเขา ซึ่งสถานที่สำคัญแห่งนี้ยังได้รับการระลึกถึงด้วยนาฬิกาสุดพิเศษอีกเรือน โดยนาฬิกาทั้ง 2 เรือนถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของ Kintaro ที่มีต่อความเชี่ยวชาญต่องานศิลปะของช่างทำนาฬิกาในทุกรายละเอียด
ผลงานชิ้นเอกแห่งกลไก Spring Drive จาก Micro Artist Studio
การตัดกันอย่างลงตัวระหว่างตัวเรือนที่ดูโค้งมนกับชุดเข็มที่เป็นทรงแหลมและหลักชั่วโมงที่ถูกขัดแต่งอย่างสวยงาม
วาระครบรอบ 160 ปีของการถือกำเนิดของ Kintaro Hattori ถูกสะท้อนความพิเศษของช่วงเวลานี้ผ่านทางเรือนเวลาชั้นเยี่ยมที่มาจากการทำงานของทีมช่างทำนาฬิกาชั้นยอดที่ Micro Artist Studio ตัวเรือนที่มีความโค้งมนอย่างนุ่มนวลถูกผลิตขึ้นจากแพลทินัม 950 และมีการขัดด้วยวิธี Zaratsu เพื่อให้ได้พื้นผิวที่สามารถสะท้อนภาพได้ราวกับการส่องกระจกและปราศจากการบิดเบี้ยวได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระจกคริสตัลแซฟไฟร์เป็นแบบโค้ง 2 ชั้น ซึ่งแต่ละพื้นผิวมีรูปทรงที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดที่อยู่บนหน้าปัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
รูปแบบที่ซับซ้อนของหน้าปัดเกิดจากการรวบรวมเทคนิคต่างๆ ของช่างทำนาฬิกาที่สร้างพื้นผิวหน้าปัดที่มีความละเอียดอ่อนและมีความลึกในระดับที่แตกต่างกัน และอย่างที่เคยถูกปฏิบัติมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 มีการติดตั้งเครื่องหมายรูปดาวซึ่งผลิตจากทองคำเหนือหลักบอกเวลาตำแหน่ง 6 นาฬิกา นอกจากนั้นยังมีการผสมผสานระหว่างการเล่นแสงและเงาบนหน้าปัดซึ่งเป็นส่วนสำคัญถือเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาทุกเรือนของ Grand Seiko อีกทั้งยังเพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นและมองเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมจากการออกแบบรูปทรงของเข็มวินาทีที่มีความโดดเด่น สำหรับหลักชั่วโมง เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีผลิตจากทองคำขาว 14K และได้รับการขัดแต่งเป็นพิเศษ มีเหลี่ยมคมที่ชัดเจน และบ่งบอกถึงความงดงามของทองคำที่จะคงอยู่ไปยาวนานและยั่งยืน
กลไกที่มีความเพรียวบางและสำรองพลังงานได้ 84 ชั่วโมง
รูปทรงของตลับลานถูกออกแบบเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงดอกไม้ Bellflower (ดอกระฆัง) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชิโอจิริที่สตูดิโอแห่งนี้ตั้งอยู่
นาฬิการุ่นนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก 9R02 ซึ่งได้รับการประกอบและปรับแต่งด้วยมือโดยช่างฝีมือทั้งชายและหญิงของ Micro Artist Studio ตัวกลไกมีพลังงานสำรอง 84 ชั่วโมงซึ่งต้องขอบคุณระบบ Dual Spring Barrel ซึ่งเป็นกระปุกลาน 2 ชุดที่วางขนานกันอยู่บนพื้นที่เดียวกัน โดยแต่ละกระปุกมีขนาดบางซึ่งภายในประกอบไปด้วยเมนสปริงที่มีความยาว และอีกระบบคือ Torque Return System * ตัวกลไกยังประกอบไปด้วยแผ่นโลหะสีเหลืองที่ผลิตจากทอง 18k ซึ่งมีคำสลักว่า “Micro Artist” แต่หากเจ้าของต้องการเปลี่ยนก็สามารถสลักคำที่พวกเขาเลือกลงไปแทนที่ได้ นาฬิกาที่มีความบางและสุดประณีตเรือนนี้มีความหนาเพียง 9.6 มม. และจะวางจำหน่ายในเดือนมกราคมปี 2021 ในร้านบูติกของ Grand Seiko ทั่วโลก โดยมีการผลิตจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
* Torque Return System : เมื่อลานนาฬิกาถูกขึ้นจนเต็ม และการส่งต่อแรงบิดเกิดขึ้นในระดับที่สูงสุดแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังประมาณ 30% เพื่อรักษาความเที่ยงตรงของนาฬิกา และถ้าเป็นนาฬิกาทั่วไปแรงบิดตรงนี้จะถูกปล่อยออกไปอย่างสูญเปล่า แต่ในกลไกของ Grand Seiko จะมีระบบ Torque Return System โดยใช้พลังงานนี้ในการขึ้นลานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การสำรองพลังงานเพิ่มขึ้น ซึ่งในกลไก 9R02 ระบบนี้จะเริ่มทำงานเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมงนับจากที่ถูกขึ้นลานจนเต็ม
การสรรค์สร้างครั้งใหม่ของ Grand Seiko รุ่นแรกกับตัวเรือนที่ผลิตจากทองคำ 18k สี Rose Gold
มีการเปิดตัวในเดือนมกราคม 2021 โดยเป็นการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของนาฬิกา Grand Seiko รุ่นแรกในปี 1960 สำหรับช่วงเวลาพิเศษของปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปีในการก่อตั้งบริษัท
นาฬิกาที่ระลึกถึงช่วงเวลาพิเศษเรือนนี้ได้รับการผสมผสานระหว่างตัวเรือนที่มีความบางเฉียบกับความเที่ยงตรงของกลไกได้อย่างน่าทึ่ง โดยตัวเรือนมีความหนาเพียง 10.9 มม. ส่วนกลไกสามารถสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมงและมีความเที่ยงตรงอยู่ที่ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน โดยทั้งหมดนี้มาจากกลไกในรหัส 9S64 แบบไขลานด้วยมือซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนนาฬิกา
ตัวเรือนและหลักชั่วโมงบนหน้าปัดถูกผลิตจากทองคำ 18k และเพื่อแสดงถึงความพิเศษของการฉลองครบรอบ จะมีการผลิตแผ่นทองคำพร้อมกับสลักคำว่า “S” ติดตั้งอยู่บนตัวชิ้นส่วนหลักของกลไก โดย Kintaro Hattori ได้จดทะเบียนเครื่องหมายนี้เอาไว้ในปี 1900 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของโรงงาน Seikosha สำหรับนาฬิการุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมกราคมปี 2021 ผ่านทางบูติกของ Grand Seiko ทั่วโลก และมีจำนวนเพียง 350 เรือนเท่านั้น
เครื่องหมาย ‘S’ ที่ถูกสลักลงบนแผ่นทองคำ สามารถมองเห็นผ่านทางกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลังแบบใสของตัวเรือน ที่ผลิตจากทองคำ 18k สี Rose Gold
Kintaro Hattori บุรุษผู้ลงมือทำด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า
Kintaro Hattori เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าซึ่งความคิดและความเชื่อทั้งหมดจะควบคุมทุกขั้นตอนที่เขาทำงานเพื่อสร้างบริษัทที่รู้จักกันในชื่อ Seiko ในปัจจุบัน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ “ราชาแห่งนาฬิกาในโลกตะวันออก” และความเชื่อในจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติที่มีอยู่ในตัวเขานั้น ได้สร้างวิวัฒนาการและคุณภาพที่เหนือระดับจนนำไปสู่การถือกำเนิดของ Grand Seiko นาฬิกาในอุดมคติและเต็มไปด้วยการใช้ทักษะของผู้ผลิตนาฬิกา นอกจากนั้นความเชื่อของ Kintaro ยังคงสะท้อนออกมาเป็นคำพูดที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
–การปฏิวัติ: นำหน้าทุกคน 1 ก้าวเสมอ
“พ่อค้านักธุรกิจจะต้องนำหน้าคนที่เหลือ 1 ก้าวเสมอ แต่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น หากคุณก้าวไปข้างหน้ามากเกินไป คุณจะห่างจากผู้คน และใกล้กับการเป็นพระเจ้า พ่อค้าไม่ควรเป็นพระเจ้า”
–วิวัฒนาการ: ไม่ต้องรีบ แต่อย่าหยุด
“เป็นสิ่งที่ดีกว่าแน่นอนถ้ามีความทะเยอทะยาน และทำงานทีละขั้นทีละตอนโดยไม่ต้องเร่งรีบ
“ถ้าคุณรีบ คุณก็ต้องหยุดพัก ถ้าคุณต้องก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หยุดพัก คุณก็ต้องไม่รีบร้อน”
–คุณภาพ: สินค้าที่ดีมักได้รับการต้อนรับจากลูกค้าเสมอ
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ Seikosha ทาง Kintaro Hattori มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสู่ความสำเร็จด้วยการสร้างนาฬิกาที่มีคุณภาพสูงสุด และด้วยการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดาของเขา ได้นำไปสู่การตั้งชื่อโรงงานของเขาว่า ‘บ้านแห่งความเที่ยงตรง’ เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพสูงเท่านั้นที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า